ถึงแม้ว่าการลงทุนใน ตราสารหนี้ จะมีความเสี่ยงต่ำ มากกว่ากว่าหุ้น และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ แต่ก็ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาหากคิดจะลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ KAsset จะพานักลงทุนมาทำความรู้จักกับ ตราสารหนี้ ให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ
ตราสารหนี้ คือ สินทรัพย์ทางการเงินที่ให้สิทธิการเป็น “เจ้าหนี้" แก่ผู้ลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อถึงวันครบอายุตามที่กำหนดไว้ ผู้ลงทุนก็จะได้รับเงินต้นคืน โดยเราสามารถแบ่งตราสารหนี้ออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น
ตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันในชื่อ หุ้นกู้ นั่นเอง
นอกจากนี้ ตราสารหนี้ยังสามารถแบ่งตามระยะเวลาที่กำหนดได้อีกด้วย โดยแบ่งเป็น ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งหากใครคิดจะลงทุนตราสารหนี้จะต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ด้วย เพราะตราสารหนี้แต่ละประเภทเอง ก็มีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันออกไป
1.คำนึงถึง ความผันผวนของมูลค่าตราสารหนี้
ก่อนอื่นผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามูลค่าของตราสารหนี้และอัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์แบบแปรผกผันกัน หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้จะต่ำลง เนื่องจากถูกเทขาย เพื่อไปซื้อตราสารหนี้ตัวใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ในทางกลับกัน ถ้าอัตราดอกเบี้ยต่ำลง มูลค่าของตราสารหนี้ก็จะสูงขึ้น ดังนั้น ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ควรลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อลดโอกาสการขาดทุนจากราคาที่ต่ำลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เพื่อรับผลประโยชน์จากราคาที่เพิ่มขึ้น
2.คำนึงถึง ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้
ความเสี่ยงประเภทนี้ที่ทำให้ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นคืน ความเสี่ยงนี้มักเกิดกับตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน เพราะภาคเอกชนมีโอกาสพบเจอวิกฤตทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย หรือคืนเงินต้นได้ มากกว่ารัฐบาล ดังนั้น ก่อนลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ออกตราสารหนี้ก่อน ซึ่งอันดับความน่าเชื่อจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มน่าลงทุน ระดับ AAA ถึง BBB-
กลุ่มเก็งกำไร ระดับ BB+ ลงไปจนถึง D
โดยจะพิจารณาจากผลการดำเนินงาน และความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท บอกเลยว่ายิ่งอันดับความน่าเชื่อถือสูงเท่าไร ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็ยิ่งต่ำเท่านั้น
3.คำนึงถึงสภาพคล่องในตลาด
เนื่องจากตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีสภาพคล่องในตลาด กรณีที่ผู้ลงทุนต้องการขายตราสารหนี้แบบรายตัว อาจต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะขายได้ หรือถ้าขายได้ ก็อาจไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ แต่หากลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป ที่ไม่ใช่กองทุนประเภทกำหนดระยะเวลา (Term Fund) ผู้ลงทุนจะสามารถซื้อ-ขาย ได้ทุกวันตามเวลาทำการ ของบลจ.
แม้ว่านักลงทุนจะสามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้โดยตรง แต่ตราสารหนี้บางตัวก็มีกำหนดให้เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ หรือนักลงทุนสถาบันซื้อได้เท่านั้น และอาจมีกำหนดขั้นต่ำในการซื้อด้วยวงเงินที่สูง ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนรายย่อยแล้ว การลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่า เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการไปลงทุนเองโดยตรง ที่สำคัญการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้ด้วย